น.ส. ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาโพสต์ความเฟซบุ๊กเนื่องในโอกาส Pride Month หรือ เดือนแห่งความภูมิใจ ซึ่งเดือนที่สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ โดยอดีตนายกหญิงระบุว่าประชาธิปไตยนั้นมีมากกว่าการเลือกตั้ง
โดยข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า
“เดือนมิถุนายนเป็นเดือนที่ถูกเลือกเป็นเดือนสัญลักษณ์ ของ Pride Month หรือ เดือนแห่งความภูมิใจ เพราะเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2512 เกิดเหตุตำรวจบุกเข้าไปจับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในบาร์สโตนวอลล์ อินน์ ที่นิวยอร์ก ทำให้เกิดความไม่พอใจและเกิดการประท้วง เป็นชนวนให้กลุ่มหลากหลายทางเพศทั่วโลกยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิ เสรีภาพ อิสรภาพ และและต่อต้านการใช้ความรุนแรง การถูกกีดกัน รวมถึงการเลือกปฏิบัติด้วยอคติทางเพศสภาพ
เดือนมิถุนายนจึงกลายเป็นเดือนที่มีความหมายพิเศษของกลุ่มหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) ซึ่งเราจะเห็นกิจกรรมเฉลิมฉลองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งสายรุ้ง การเดินขบวนพาเหรด และกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สังคมรับรู้และยอมรับในตัวตนของพวกเขานั่นเองค่ะ กว่า Pride Month จะมีสีสันในวันนี้ กลุ่มหลากหลายทางเพศต้องต่อสู้จากการถูกกีดกันจากสังคม การถูกเลือกปฏิบัติ การถูกใช้ความรุนแรงอย่างขมขื่น
ดิฉันเชื่อว่าธรรมชาติกำหนดให้คนเราเกิดมาแตกต่างกัน ซึ่งนั่นคือความสวยงามของมนุษย์ ทำให้เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันด้วยการไม่เลือกปฏิบัติ ให้โอกาสทุกคนอย่างเสมอภาค เชื่อมั่นในศักยภาพของคนที่แม้แตกต่างแต่สามารถร่วมกันสร้างสรรค์สังคมได้ ซึ่งดิฉันเห็นว่าเหมือนกับประชาธิปไตยค่ะ เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่ยังเป็นระบอบที่ให้คุณค่ากับทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่จำกัดว่าเป็นใคร อัตลักษณ์ทางเพศแบบไหน
ดิฉันหวังว่าประชาธิปไตยของไทย จะเปิดรับและให้พื้นที่ของทุกเพศสภาพได้แสดงออกอย่างเสรี รับรองความปลอดภัย ให้ทุกคนมีสิทธิและความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากสังคมอีกต่อไป”
เพื่อไทย เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 พบว่ามีการ ตัดงบสาธารณสุข ครั้งแรกในรอบ 12 ปี
เพจเฟซบุ๊กของ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเปิดเผยว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ได้ตัดงบประทรวงสาธารณสุขเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี และลดลงมากถึง 4.3 พันล้านบาท คิดเป็นติดลบ 2.74%
โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้บริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศที่เป็นรูปธรรมได้ยิ่งในสถานการณ์โควิดซึ่งต้องใช้งบประมาณด้วยความประหยัด คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ แต่กลับมองไม่เห็น ฟังไม่ได้ยินทุกข์ของประชาชน
เลขา สมช. เผย ‘ประยุทธ์’ สั่งเบรก ผ่อนมาตรการโควิด เอง
พล.อ.ณัฏฐพล เลขา สมช. เผยว่า ประยุทธ์ เป็นคนสั่งเบรกนโยบาย ผ่อนมาตรการโควิด ใน กทม. เอง หลังพิจารณาแล้วตัวเลขผู้ป่วยยังสูง พล.อ.ณัฏฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ออกมากล่าวถึงการยกเลิกการผ่อนมาตรการ กทม. ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 พ.ค ว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ชะลอมาตรการดังกล่าวด้วยตนเอง หลังพิจารณาแล้วพบว่าจำนวนผู้ป่วยใน กทม. ยังสูงยังต่อเนื่อง
พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการตามที่ภาพเอกชนขอมา ซึ่งคณะกรรมการฯพิจารณาแล้วไม่ขัดแย้งกับข้อกำหนดของศบค.ชุดใหญ่ แต่ทุกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. มีนโยบายหรือข้อกำหนดที่แตกต่างออกไปได้ ซึ่งมองในภาพรวมถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร โดยกรณีดังกล่าวคณะกรรมการฯหารือในชั้นต้นยังไม่มีประกาศอะไรออกมา
ทั้งนี้นายกฯ เข้าใจ กทม.และผู้ประกอบการ จึงสั่งการให้ตนไปคุยกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มอาชีพที่ กทม.ก่อน ผ่อนคลายอาทิ พนักงานนวดแผนโบราณ พนักงานเสิร์ฟอาหาร ช่างตัดผม ให้เตรียมการไว้ให้เรียบร้อยเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะผ่อนคลายต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนทางเลือกได้เอง มีแนวโน้มอย่างไร พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวว่า วันนี้ตนจะรับข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข และหารือกับ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานกรรมการในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จากนั้นจะเสนอแนวทางให้นายกฯพิจารณาต่อไป อยากทำความเข้าใจว่าการจัดซื้อวัคซีนมี 2 รูปแบบ คือ การสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร และการซื้อภายในจากหน่วยงาน ซึ่งประชาชนเกิดความสับสนว่า อปท.จัดซื้อจากภายนอกได้เองซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น
เมื่อถามว่า อปท.จะต้องซื้อจากหน่วยงานภายในของรัฐ มีแนวโน้มอย่างไร เลขาฯสมช.กล่าวว่า ก็ต้องดูอีกที เพราะตอนนี้มีเงื่อนไขทางกฎหมาย และทางนโยบาย ที่ต้องรอนโยบายจากนายกฯ ขณะที่ศบค.ต้องคุยกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและเสนอเรื่องมาให้นายกฯพิจารณา
ขอแนะนำให้รัฐบาลมีแนวทางอะไรแน่นอนสักเรื่อง วัคซีนก็โยนกันไปมา นี่มาเรื่องทำมาหากินของชาวบ้านก็ทำเป็นเรื่องเล่น ไม่มีอะไรให้ทำหรือไงไม่ทราบ? ถึงทำให้ประชาชนเคว้งคว้างกลางทะเล เพิ่งนึกอะไรออกก็กลับไปกลับมาได้ทุกเวลาเช้าสายบ่ายเย็น ให้มันดีสักเรื่องจะได้ไหม? พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย หรือไม่ก็ไปที่ชอบที่ชอบทีเถอะ
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร